Sabrina Carpenter เริ่มออกอากาศในปี 2013 ก่อนที่เธอจะแจ้งเกิดเต็มตัวจากผลงานอัลบั้มชุด pop song Eyes Wide Open ที่วางขายในปี 2015 โดยสามารถเปิดตัวในอันดับที่ 43 บนชาร์ตอัลบั้ม Billboard 200 ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ Sabrina ได้นำประสบการณ์ของเธอมาถ่ายทอดเป็นบทเพลง พร้อมมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงหลายๆ ซิงเกิล Sabrina Carpenter 2024 และได้ศิลปินมากความสามารถอย่าง Meghan Trainor เจ้าของผลงานเพลงฮิต “All About That Bass” มาร่วมเขียนเพลงด้วย pop star
ประวัติ
Sabrina Carpenter ปัจจุบันในวัย 19 ปี Sabrina Carpenter มีผลงานออกมาแล้ว 3 อัลบั้ม อย่าง Eyes Wide Open, Evolution และอัลบั้ม Singular Act I ผลงานชุดที่ 3 ที่นอกจาก Sabrina จะร่วมเขียนผลงานเพลงทั้งอัลบั้มแล้ว เธอยังขึ้นแท่นเป็นโปรดิวเซอร์หลักที่ดูแลภาพรวมของอัลบั้มชุดนี้ โดยนอกจากเนื้อหาผลงานที่แสดงถึงทัศนคติที่โตขึ้นแล้ว อัลบั้มชุดนี้เธอยังได้นำการร้องสไตล์อาร์แอนด์บี และซาวด์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มาผสมผสานในผลงานมากขึ้น ต่างจากอัลบั้มแรกที่เป็นแนวป็อปที่มีกลิ่นอายดนตรีคันทรี่
จากนักแสดง Disney Channel สู่ศิลปินสาวสุดฮอตมาแรงแห่งปี
Sabrina Carpenter เริ่มต้นเส้นทางวงการบันเทิงด้วยการคว้าอันดับ 3 จากรายการแข่งขันร้องเพลง The Next Miley Cyrus Project pop song ก่อนจะเริ่มงานแสดงด้วยบทเล็กๆ จนกระทั่งปี 2013 เธอได้แสดงซีรีส์ชื่อดังอย่าง “Girl Meets World” และได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด Disney Music Group’s Hollywood Records ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลงานเด่นๆ อีกเช่นเรื่อง “Tall Girl” และ “Work It”
ถึงแม้ Sabrina Carpenter จะได้รับความนิยมในฐานะนักแสดง แต่เธอยังคงให้ความสำคัญกับงานเพลงมาเป็นอันดับหนึ่ง มีผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์อยู่เรื่อยๆ แต่ในที่สุดก็ได้ปล่อยผลงานซิงเกิลแรกเป็นของตัวเองออกมาในปี 2014 มีชื่อว่า “Can’t Blame a Girl for Trying” พร้อมแจ้งเกิดแบบปังในฐานะศิลปินอย่างเต็มตัว pop star
Swifty ตัวยงที่ได้เล่นเปิดคอนเสิร์ต The Eras Tour ของ Taylor Swift
Sabrina Carpenter คงเป็นแฟนคลับที่ประสบความสำเร็จที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเธอเป็น Swifty ตัวยงมาโดยตลอดและเมื่อปี 2010 เธอเคยทวีตของความว่า คอนเสิร์ตของ Taylor Swift สุดยอดมากๆ และเธอสนุกสุดๆ สักวันนึงเธออยากมีทัวร์แบบ Taylor บ้าง แต่ใครจะคิดว่าอีก 10 กว่าปีต่อมาเธอจะได้เล่นเปิดคอนเสิร์ต The Eras Tour ให้กับ Taylor Swift ทั้งในประเทศสิงคโปร์, ออสเตรเลีย และประเทศในแถบละตินอเมริกา เป็นแฟนคลับที่น่าอิจฉาสุดๆ ไปเลย! Sabrina Carpenter 2024
ผลงานเพลง
เริ่มต้นเส้นทางดนตรีตั้งแต่ 2014 ปัจจุบันมีผลงานเพลงทั้งหมด 7 อัลบั้ม
อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ว่า Sabrina Carpenter จะเริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานการแสดงแต่เธอก็รักการร้องเพลงมากเช่นกัน แถมยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอตั้งแต่วันแรก ซึ่งปัจจุบันนักร้องสาวมากความสามารถคนนี้มีผลงานเพลงถึง 7 อัลบั้มตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีที่เริ่มเข้าสู่เส้นทางดนตรี
Eyes Wide Open (2015) อัลบั้มสไตล์ทีนป๊อปแฝงด้วยกลิ่นอายป๊อปร็อกและโฟล์ค มีเนื้อหาเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อน ความรัก และชีวิตวัยรุ่นของเธอช่วงนั้น ถึงแม้จะเป็นอัลบั้มแรกแต่ก็สามารถเปิดตัวบนชาร์ต Billboard 200 ได้สูงถึงอันดับที่ 43 และอยู่บนชาร์ตยาวนานต่อเนื่องถึง 4 สัปดาห์เลยทีเดียว pop star
- VOLution (2016) อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง “Thumbs” เพลงแนวอิเล็กโทรป๊อป ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการยอมรับการเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเพลงนี้มียอดวิวมากกว่า 244 ล้านครั้งบน Youtube ไม่เพียงเท่านั้น! ยังมีทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตกับ EVOLution Tour ที่ประเทศอเมริกา, แคนาดา และยุโรป
- Singular: Act I & Act II (2018-2019) อัลบั้มเต็มชุดที่ 3-4 ของ Sabrina Carpenter สะท้อนมุมมองที่โตขึ้นมาพร้อมเพลงฮิตอย่าง “Sue Me” พูดถึงการก้าวออกจากความสัมพันธ์ที่ Toxic แบบไม่แคร์อะไรและเพลง “Looking at Me” ที่บ่งบอกถึงความมั่นใจของเธออย่างแท้จริง หลังจากนั้นเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ pop song
- emails i can’t send (2022) อัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ที่มีซิงเกิลก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็น “Skin”, “Vicious” และ “Fast Times” อัดแน่นไปด้วย 13 เพลงที่ Sabrina Carpenter เขียนเก็บเอาไว้เป็นข้อความในอีเมลช่วงโควิดเรื่องราวที่เป็นเหมือนการเยียวยาจิตใจตัวเองในช่วงนั้น ทําให้เนื้อเพลงที่เขียนออกมามีความเป็นธรรมชาติและซื่อตรง จุดนี้น่าจะทำให้อัลบั้ม emails i can’t send ได้รับความสนใจจากแฟนๆ จนสามารถติดชาร์ต Billboard 200 ด้วยอันดับที่ 23 ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดในชีวิตของเธอ Sabrina Carpenter 2024
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ Sabrina Carpenter ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่น่าจับตามอง ด้วยแนวทางการทำเพลงที่เป็นเหมือนกับตัวแทนเสียงของคน Gen Z เพราะนอกจากเพลงจะพูดถึงเรื่องราวทั่วๆ ไปอย่างความรัก ความเจ็บปวด และการค้นพบตัวเอง ยังหยิบจับเอาประเด็นทางสังคม เช่น สิทธิ์ของ LGBTQ มาเล่าได้อย่างเป็นธรรมชาติและตรงไปตรงมา นับว่าเป็นศิลปินสาวมากความสามารถอย่างแท้จริง